หน้าเว็บ

room 1695

nยุu 1-1695

room 1695


1785 เงามังกรถล่มโลก


พริบตาที่สามบรรพชนเหยียนลงมือพร้อมกัน ไอมารสะท้านภพที่พร้อมบดขยี้กลืนกินทุกสิ่งให้มลายสูญ

ก็แผ่พุ่งออกในพริบตา...

แสงสว่างรอบด้านถูกกลืนจนหม่นหมอง สี่เทพสมุทรที่เหลืออยู่ของแดนหนันหมิงโดนกรงเล็บมารของเห

ยียนเอ้อคร่กุมไว้ เพียเสี้ยวอึดใจดวงจิตก็ถูกไอมารสะกดข่ม สี่เทพสมุทรผู้กล้าแกร่งถึงกับแทบ

ตั้งตัวไม่ติด พวกมันเร่งรุดลงมือ ปลดปล่อยพลังเทวะหนันหมิงออกมาเต็มกำลังหวังปัดเป้าความมืด

มิค.....

ปง!..........

แสงสีทองสาดทอเจิดจ้ หากเพียงชั่วครู่ก็เหลือเพียงเศษซากประกายแสง สี่เทพสมุทรร่างสะท้านเฮือก

ปากกระอักโลหิต แสงสีทองในดวงตาจางหายเลือนลับไปกว่าครึ่ง.......

สี่เทพสมุทรผู้ยิ่งใหญ่ สองเป็นจ้าวเทวะขั้นเก้า อีกสองคือจ้าวเทวะขั้นแปด ไม่คาดเพียงประมือกระบวน

ท่าแรกกับเหยียนเอ้อก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว.........

พอไต้เผชิญหน้ากับบรรพชนเหยียนด้วยตัวเองแล้ว ความห่างชั้นของพลังอันเกิดคาดนี้ทำเอาสี่เทพสมุ

กรแตกตื่นแทบขาดใจ....

"ตาย!" เหยียนเอ้อส่งเสียงร้องพิกล กรงเล็บมารอเวจีพลันตวัดวาดออก ฟาดส่งสี่เทพสมุทรที่ตะลึงงัน

ปลิวไปไกลลิบดุจแมลงวัน นิ้วเหี่ยวย่นทั้งสิบทิ้งรอยประทับสีดำไว้บนอากาศ ถักทอเป็นตาข่ายดุจกันบึ้ง

นรกานต์แห่งฝันร้าย ครอบคลุมกระชากเทพสมุทรให้จมดิ่งลงสู่ห้วงลึกอเวจี

"เหยียนเอ้อ ห้ามหนันเชียนชิวตาย" หยุนเช่อพึมพำเบาๆ

เหยียนเอ้อรับคำสั่ง ส่งพลังไปสะกดข่มคนทั้งสี่ไว้ จากนั้นเบนเป้าหันไปสนใจหนันเซียนชิวเพียงคนเดียว

อีกด้านหนึ่ง เหยียนซานก็ปรากฏกายขึ้นเบื้องหนจักรพรรดิหนันหมิงดุจภูตพราย กรงเล็บมารทมิฬสาด

ประกายเยียบเย็นบาดใจคู่หนึ่งตะปบเข้าใส่ศีรษะอีกฝ่าย

"ตัวบัดซบหนันหมิง ตายเสีย ฮ่าห์!"

ตลอดเวลาที่ผ่านมา หนันวนเชิงน้อยครั้งจะลงมือเอง หากมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ขอเพียงหนึ่งในสื่

จ้าวสมุทรข้างกายลงมือ ก็สามารถสะสางเรื่องราวได้ในอึดใจ

บัดนี้ สี่จ้าวสมุทรตายสิ้น เทพสมุทรที่เหลืออยู่สี่คนสุดท้ายลำพังยังเอาตัวไม่รอด มันไม่เคยคิดเลยว่า

จักรพรรดิอันดับหนึ่มณลทวะทักษิณอย่างมัน จะถึงกับมีวันที่ "โดดเดี่ยว" เช่นนี้ด้วย'

โทสะและความแค้นที่อัดแน่นจนร่างแทบระเบิดในที่สุดก็พบที่ระบาย เส้นผมที่เหลืออยู่ของมันลุกชี้ชัน

สองตาสาดแสงเจิดจ้าจนกลายเป็นสีทองอร่ม จักรพรรดิหนันหมิงอาศัยพลังโทสะตั้งสมาธิสร้างข่าย

ปราณสีทองขนาดยักษ์ขึ้นเตรียมทำลายกรงเล็บมารทมิฬของเหยียนซาน

คว้าก!

ห้วงมิติร้อยลีโดยรอบพังทลาย กรงเล็บมารทมิฬและข่ายปราณทองคำแหลกสลายไปพร้อมกัน เหยียน

ซานกระเด็นถอยหลัง หนันว่านเชิงร่างปลิวกระเด็น ทั่วร่างเกลื่อนกล่นด้วยแผลนับสิบโลหิตสาดกระ

มันหมุนคว้างยังไม่ทันครบรอบ ใบหนอัปลักษณ์ชวนขนลุกของเหยียนซานก็ปรากฏขึ้นในคลองจักษุ อีก

ฝ่ายแสยะยิ้มพร้อมเปล่งเสียงหัวร่อบาดหูดุจผีร้าย

"ตาย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"

เปรี้ยงงง'

หนันว่านเชิงประดุจถูกพายุร้ายโหมกระหน่ำ ห้วงสติกลายเป็นขาวโพลนในพริบตา มันรั้งร่างหยุดไว้

ขณะเพิ่งโคจรพลังได้เล็กน้อย ปากก็กระอักลิ่มเลือดไม่หยุด ทรวงอกได้รอยแผลสีดำสนิทเพิ่มขึ้นมา

อีกห้าสาย

หากเทีบเปรียบพลังฝีมือแล้ว หนันว่านเชิงแท้จริงเหนือล้ำกว่าสามบรรพชนเหยียนที่อ่อนแอที่สุดอ

เหยียนซานเล็กน้อย

ทว่าหนันว่านเชิเพิถูกปืนใหญ่เทพสมุทรเล่นงนจนบอบช้ำสาหัส ซ้ำทั้งลมปราณและโลหิตล้วนต่าง

เดือดพล่านด้วยโทสะและความเกลียดชังสุดระงับ สารรูปยามนี้ใช่คู่มือเหยียนซานแม้แต่น้อย

มิหนำซ้ำอาการบาดเจ็บสาหัสของตัวมัน ไม่ต้องกล่าวถึงการปะทะแตกหักกับเหยียนซาน แค่เพียงต้าน

รับไว้ก็ทำให้อาการทรุดหนักแล้..... อาการบาดเจ็บที่มันได้รับจากปืนใหญ่เทพสมุทรนั้น ต่อให้มันรีบกัก

ตนรักษาตัว กว่าจะฟื้นฟูจนหายดีก็ยังต้องใช้เวลาหลายสิบปี

ไร้เรื่องพลิกโผให้ประหลาดใจ เมื่อถูกเหยียนซานรุกไล่ หนันว่านเซิงก็ได้แต่ถอยร่นที่ละก้าว แม้น

เป็นถึงจักรพรรดิหนันหมิง กลับไม่มีผู้ใดออกหน้าช่วยยื้อเวลาให้มันได้พักหายใจแม้แต่น้อย สี

เทพสมุทรถูกเหยียนเอ้อสะกดข่มจนมิด หนันกุยจงยังคงไม่คลื่อนไหว เพราะเบื้องหน้ามัน

ยังมีบุคคลหนึ่ปลดปล่อยรัศมีพล้เข้มแข็งออกมาจนมันไม่กล้าผลีผลามลงมือ


เซียนเย่ปิงจู่

"พี่ปิงจู" หนันกุยจงยังตีหน้านิ หากประกายในแววตาชราราวกับหนแสงลง "ไม่พบกันหลายปี มาแลก

เปลี่ยนวิชาฝีมือกันดีหรือไม่"

เซียนเย่ปิงจู่ตอบ "ได้แลกเปลี่ยนวิชากับสหายเก่าย่อมเป็นเรื่องประเสริฐ แต่น่เสียดาย วันนี้ที่เจ้ากับข้า

ยืนอยู่กลับเป็นสมรภูมิ"

กระแสลมโหมกระหน่ำ เชียนเย่อู่กูปรากฏตัวขึ้นข้างกายเชียนเย่ปิงจู่


สองมหาบรรพชนปรมันต์ สองอดีตจักรพรรดิเทพปรมันต์ ภายใต้แรงกดดันของพวกมันทั้งคู่ แม้แต่ยอด

ฝีอระดับหนันกุยจงยังต้องเลือดลมจับตัวแข็งค้าง"

หลังเหลือบมองสภาพของสี่เทพสมุทรและหนันว่านเซิงแล้ว มันก็ถอนหายใจคำหนึ่ง กระบี่โบราณสีทอง

เข้มปรากฏขึ้นในมือ

หากเผชิญหน้ากับเชียนเย่ปิงจู่และเชียนเย่อู่คนใดคนหนึ่ง มันยังมั่นใจว่าตนเองไม่มีทางแพ้ แต

หากต้องสู้กับทั้งสองคนพร้อมกัน ตัวมันก็ไม่มีโอกาสชนะเช่นกัน

"ปลดผนึกทั้งหมดในนครหลวง!" หนันกุยจงยกกระบี่ขึ้น ปากเปล่งเสียงกึกก้องดุจห้วงสมุทรไพศาล

กังวาลไปทั่วแดนหนันหมิง "เหล่ทายาทแห่หนันหมิง พวกมารร้ายบุกประชิดเข้ามาแล้ว วันนี้คือวัน

ตัดสินชะตาเป็นตายแดนหนันหมิงเรา จงทุ่มสุดกำลังถวายชีวิต สู้มัน!"

ผนึกส่วนใหญ่ของนครหลวงหนันหมิงถูกปืนใหญ่เทพสมุทรทำลายทิ้งไปก่อนหน้า ภายใต้บัญชาของ

หนันกุยจงนี้ ผนึกทั้งหมดล้วนถูกคลายออก นครหลวงหนันหมิง แดนศักดิ์สิทธิ์สูงสุดแห่งมณฑลเทวะ

ทักษิณในเวลานี้ ทุกชีวิตสามารถเข้าออกได้ตามใจ

เหยียนเอ้อสะกดสี่เทพสมุทร เหยียนซานสู้กับหนันว่านเซิงตัวต่อตัว มีสองบรรพชนปรมันต์สะกัดขวาง

หนันกุยจงไว้...นับแต่มณฑลเทวะทักษิณก่อตั้งมา ยังไม่เคยปรากฎการต่อสู้ระดับสูงถึงขั้นนี้มาก่อน

ทว่าสมรภูมิของศึกครั้งนี้กลับเป็นนครหลวงหนันหมิง ไม่ว่าผลลัพธ์ท้ายสุดเป็นอย่างไร นครหลวงหนันห

มิงก็ต้องเสียหายย่อยยับ

เหยียนอีกระโจนเข้าใส่จักรพรรดิซื่อเทียน จักรพรรดิซวนหยวน และจักรพรรดิจื่อเวยเพียงลำพัง

ในฐนะหัวหอกของสามบรรพชนเหยียน พลังฝีมือของมันเหนือล้ำกว่าใครในที่นี้ เมื่อมันเข้าใกล้ สาม

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกแรงกดดันทมิฬสุดไพศาลทาบทับไว้


"ไม่ต้องไปสนพวกมัน" หยุนเช่อพลันเอ่ยขึ้น คนเหลือบมองสามจักพรรดิศักดิ์สิทธิ์อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง

เหยียนอีชงักนิ่ง ก่อนเหาะกลับมาอยู่ข้างกายหยุนเช่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อหูได้ยินเสียงกู่ร้องสเทือนฟ้า บรรดาผู้อาวุโสหนันหมิและอารักษ์สมุทรที่ถูกสามบรรพชนเหยีย

นกดดันไว้ต่างพากันกัดฟันเร่งรุดเข้ามา

"ท่านลุงกู" เซียนเย่หยิงเอ๋อร์กวาดตามองเบื้องล่าง "ท่นไม่เคยปลิดชีวิตใดมานานปี แต่วันนี้เกรงว่า

ท่านคงได้ทำบาปล้างสังหารครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตแล้ว"

กู่จูยิ้มบางตอบกลับ "นายหญิงน้อยไม่เพียงกลับมาได้โดยปลอดภัย แต่ยังได้ชีวิตใหม่กลับมา บ่าวเฒ่าผู้

นี้ไม่มีสิ่งใดติดค้างในชีวิตแล้ว ขอเพียงรับสั่งก็พอ ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรอีก"

กล่าวจบ เงาร่างมันก็ริมเลือนหายไป บังเกิดลมพายุกระหน่ำไร้เค้าลาง มันทะยานร่างผ่านห้วงมิติ

ชโลมอาบพายุลูกนี้ให้แดงฉาน

เชียนเย่หยิงเอ๋อร์เองก็คลื่อนไหว กระบี่พยากรณ์ราวกับอสรพิษทองคำกลางวังวนหมิฬ ทิ่มทะลวง

อารักษ์สมุทรนับสิบ ตวัดฟาดผ่ร่างอาวุโสหนันหมิงชั้นจ้าวเทวะจนขาดครึ่ง

สมรภูมิเดือดเปิดฉากขึ้น ผู้ฝึกยุทธ์แดนหนันหมิงครึ่งหนึ่งทุ่มกำลังหลบหนี ส่วนอีกครึ่งต่างพากันมุ่งหนัง

เข้าสู่นครหลวงด้วยเลือดลมพลุ่งพล่าน


เสาหลักคือสิ่งใด? หากรากฐานของเสาหลักแข็งแรงมากพอ ก็อาจสามารถสร้างเจดีย์ทะลวงเมฆได้

แต่หากเสาหลักหักโค่นล้มลง เช่นนั้นต่อให้เป็นเจดีย์สูงเสียดฟ้า ก็ยังต้องพังลงในอึดใจ

เสาหลักของแดนเทวะหนันหมิง ย่อมกปรด้วยจ้าวสมุทรและเทพสมุทร แต่เมื่อสี่จ้าวสมุทรดับสูญไป

พร้อมเทพสมุทรส่วนใหญ่แล้ว ขุมกำลังหลักของแดนหนันหมิงก็เหลือเพียงแค่เทพสมุทรสี่คน หนันว่าน

เซิง และหนันกุยจงเท่นั้น ไม่อาจนำไปต่อกรกับหยุนช่อและพรรคพวกได้... ต่ให้อีกฝ่ายจะมีคนเพียง

แปดคนก็ตาม!#%?+?%

สมรภูมิจ้าวเทวะสัประยุทธ์น่หวั่นเกรงถึปานไหน ต่อให้เป็นราชันจักพรรดิเทวะก็ยังยากจะเข้าใกล้ ตอ

หน้าการต่อสู้ระดับนี้ ความได้เปรียบค้นจำนวนและสถานที่ก็กลายเป็นไร้ความหมาย บรรดาผู้ฝึกยุทธ์


หนันหมิที่กรูกันเข้ามาหว้ใช้ชีวิตและพลังฝีมือตนปกป้องรักษาแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เอาไว้ดูไม่ต่างอะไร

จากตัวตลกโง่มฝูงหนึ่ง ยังไม่ทันได้เฉียดเข้าใกล้สมรภูมิรบ พวกมันส่วนใหญ่ก็ถูกคลื่นพลังตกค้างของ

จ้าวเหวะบดขยี้จนตายอนาถ'

เปรี้ยง! ปัง! ครื่นนนน

ทั้งแดนหน้นหมิงสั่นสะท้าน ท้องนภาเจอคลื่นพลังปั่นป่วนจนปริแตกไม่จางหาย

ผ่านไปไม่ถึงสิบนาที สี่เทพสมุทรล้วนถูกเหยียนเอ้อเล่นงานจนบาดเจ็บ พลังมืดชำแรกเข้า

สู่ร่างแทรกซึถึงดวงจิต ไม่เพียงทำให้ร่างกายพวกมันย็นเฉียบ จิตต่อสู้และความอาจหาญยังถูกกัดกิน

ไปพร้อมกัน

หนันว่านเซิเปล่งเสียงกู่ร้องเป็นพักๆ แต่ไม่อาจรีดเค้นพลัมาตีโต้การสะกดข่มของเหยียนซานได้

ร่างกายถูกตราประทับทมิฬฉีกระชากแผลแล้วแผลเล่ แทรกซึมจนกระดูกเปลี่ยนเป็นสีดำ

หนันกุยจงถูกสองบรรพชนปรมันต์โอบล้อมไว้ ยิ่งมายิ่งต้านรับอย่างตึงมือ

การศึกอันดุเตือดครั้งนี้นับแต่เริ่มต้น ขุมกำลังหลักแดนหนันหมิงก็พ่ายแพ้ราบคาบแล้ว เหล่าผู้อาวุโสและ

อารักษ์สมุทรล้วนต่างถูกเชียนเย่หยิงเอ๋อร์และกูสังหารทิ้งทีละคน"

ช่องทางขอความช่วยเหลือจกแดนอื่ถูกตัดขาด บัดนี้ปัจจัยเดียวที่อาจช่วยกอบกู้สถานการณ์ของ

แดนหนันหมิงได้ เหลืเพียงสามจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มณฑลทักษิณแล้ว

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สามคน ซ้ำยังพาผู้สืบทอดพล้เทวะมาอีกฝ่ายละสองคน นับเป็นขุมกำลังที่สามารถ

แทรกแซงสมรภูมิครั้งนี้ได้อย่างแท้จริง

ทว่า ทั้งสามกลับไม่ลงมือ


ที่เหยียนอีพุ่งกายเข้มาหาพวกมันแล้วถูกห้ามเอาไว้กะทันหันนั่น ย่อมเป็น.....คำเตือนจากหยุนเช่อไม่ผิด

แน่ ชายหนุ่มกำลังเตือนว่าเป้หมายของมันมีเพียงแดนหนันหมิงเท่นั้น ถ้หากอีกฝ่ายกล้าสอดมือยุ่ง

เกี่ยว เช่นนั้นก็เตรียมโดนฝังไปพร้อมกันเถอะ

"องค์จักรพรรดิ จะไม่... ลงมือจริงหรือ?" เทพสมุทรด้านหลังชางซื่อเทียนกระซิบถามเสียงแผ่ว

ชางซื่อเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ไม่ตอบคำ

จักรพรรดิชวนหยวนและจักรพรรดิจื่อเวยล้วนแต่หน้าซีดเผือด สมาริดจ่ออยู่แค่เพียงเหยียนอี ไอมารที่

หัวหอกบรรพชนเหยียนแผ่ออกมาทำให้พวกมันรู้ชัดว่าหากผลีผลามลงมือ อีกฝ่ายก็พร้อมจัดการพวกมัน

ด้วยกรงเล็บมาร... ไม่แม้แต่จะปล่อยให้มีโอกาสได้สำนึกเสียใจ


"อู๋ก!"

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น กรงเล็บมารของเหยียนซานทะลวงผ่านทรวงอกหนันว่านเซิง

กายาอันสูงส่งสูงสุดของจักพรรดิศักดิ์สิทธิ์ปรากฏรูโหว่ ประกายโลหิตสาดกระจาย คละคลุ้งด้วยหมอก

ดำน่าขนลุก

หนันว่านเชิงถอยกรูดอย่างแตกตื่น มันยกมืกุมอกไว้ ก่อนจะพลันเบนสายตาชิงชังไร้กันบึ้งไปยังสาม

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ปากเปล่งเสียงกู่ร้องดุจสัตว์ร้ายจนตรอก "ยังไม่ลงมืออีก!!"

จักรพรรดิซวนหยวนและจักรพรรดิจื่อเวยใบหน้าตึเขม็งพร้อมกัน จักรพรรดิซวนหยวนขบฟันเล็กน้อย

ก่อนลมปราณในร่างจะพลันปะทุโคจร เจตน์กระบี่เอ่อลันพุ่งพล่าน


"แน่ใจหรือว่าจะลงมือ?" ชางซื่อเทียนถามเสียงเย็นราวกับเตือนให้ฉุกคิด

"เหอะ!" จักรพรรดิซวนหยวนสบลมปราณ ก่อนเอ่ยเสียงหนัก "เป็นถึงจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มณฑลทักษิณ

หากกลัวมารร้ายจนไม่ยอมลงมื มิกลายเป็นคนตาขาวให้ผู้คนดูหมิ่นตลอดกาลหรือไร!"

"ใช่แล้ว!" วาจาของจักรพรรดิซวนหยวนบดขยี้ความลังเลในใจจักรพรรดิจื่อเวย มันกล่าวด้วยสายตา

จริงจัง "ไร้ริมฝีปากฟันหนาวเหน็บ ต่อให้วันนี้ไม่ช่วยหนันหมิงขับไล่หยุนเช่อไป ยังไงพวก

เราก็ต้องตายเป็นรายต่อไปอยู่ดี... ซ้ำหลังตายยังกลายเป็นที่ขบขันให้อับอายด้วย!"


"เหอเหอเหอ" ชางซื่อเทียนยิ้มบาง "จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์? ถูกต้อง สมญานี้สูงส่งถึงเพียงไหน เป็นสมญา


ที่แสดงออกถึงพลังฝีมือและศักดิ์ฐานะอันสูงสุดแห่งยุคปัจจุบัน แต่ว่....

มันชี้นิ้วไปทางหยุนเช่อช้ๆ "ข้างกายหยุนเช่อมีสามสัตว์ประหลาดเฒ่ที่เก่งกว่าพวกเราอยู่ ขนาดพวก

มันยังเป็นได้เพียงสุนัขรับใช้ข้างกาย สมญา จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์' ในสายตามันยังนับเป็นอะไรได้?"

"ชางซื่อเทียน!" จักรพรรดิชวนหยวนสองตาเปี่ยมด้วยโทสะ "เจ้าเพียงกลัวตายจนไม่กล้าลงมือเท่านั้น

ไยต้องว่าร้ายให้ตนเองและผู้อื่นต้องอับอายด้วย!"

ชางซื่อเทียนกระตุกมุมปาก ก่อนเอ่ยอย่างเนิบช้ "หากเจ้าฟังไม่ข้าใจ เช่นนั้นก็ถือว่าเราผายลมแล้วกัน

เจ้าคิดลงมือเราก็จะไม่ห้าม แต่เจ้าจงอย่ได้ลืมว่า หยุนเช่อก่อนหนนี้ลงมือปลิดชีพเทพมังกร บัดนี้ลั่น

วาจาล้างโคตรหนันหมิ หากตั้งแต่เริ่มจนจบ กลับไม่เคยมุ่งเป้ามาที่พวกเรา"


"ตอนนี้หากเจ้าลงมือ ก็ถือว่าเจ้าเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนเอง" ชางซื่อเทียนแสยะยิ้มกว้าง "ชะตากรรมของผู้

ที่หาเรื่องมันจบลเช่นไร เจ้าเองก็ได้ประจักษ์กับตาแล้ว เมื่อถึตอนนั้น ก็อย่าหาว่าเราไม่เตือน"

"น่ข้น!" จักรพรรดิจื่อเวยตวาด "หยุนเช่อในตอนนี้คือคนบ้เสียสติ! จ้าเพ้อฝันคิดจริงหรือว่าหยุนเช่อจะ

ไม่ลงมือกับพวกเรา?"

"เพ้อฝันรึ?" ชางชื่เทียนตอบ "ดูสภาพการณ์ของมณฑลเหวะบูรพาตอนนี้ให้ดี คนที่หยุนเช่อรังเกียจและ

ต่อต้านมันล้วนแต่มีจุดจบนสัวช แต่คนที่ยอมสวามิภักดิ์แต่โดยดีก็ล้วนยังอยู่ดีมีสุข โดยเฉ

พาะแดนประกายแสง แดนตลบฟ้า รวมถึงแดนเทพดารที่ยังเหลือรอด หลังเป็นฝ่ายยอมสวามิภักดิ์ พวก

มันล้วนแต่ปลอดภัยไร้อันตราย จุ๊จุ๊"


จักรพรรดิชวนหยวนหนกระตุกวูบ จากนั้นจึงเปล่งเสียงหัวเราะออก "มีมารร้ายอยู่เบื้องหน้า แดนหนันห

มิงเผชิญเคราะห์กรรม ในฐานะจักรพรรดิมณฑลทักษิณ ความคิดอ่านแรกของเจ้ามิใช่เข้าไปช่วยเหลือ

แต่กลับ... คิดยอมศิโรรบ?.... เหอเหอเหอ ชางชื่เทียน หลายปีมานี้แม้เราจะดูแคลนเจ้า แต่ไม่เคยคิด

เลยว่า เจ้าจะต่ำช้ได้ถึงเพียงนี้!"

จักรพรรดิจื่อเวยเองก็ขบฟันเสริม "อาศัยเพียงวาจาเมื่อครู่ เจ้าก็คือความอัปยศของมณฑลทักษิณ

เป็นความอัปยศของแดนคลื่นสมุทรสิบทิศ!"

ชางชื่อเทียนไม่ได้ระเบิดโทสะ มันเพียงตอบกลับยิ้มๆ "วาจาของเชียนเย่อู่กูเมื่อครู่นำสนใจยิ่ง

สิ่งใดถูกสิใดผิด สิ่ใดดีสิ่ใดชั่ว ยิ่งแก่เฒ่ก็ยิ่งยากจำแนกชัดเจน แต่เรากลับเห็นต่างออกไป ในสายตา

ของเรานั้น ผู้ชนะต่งหากที่จะตัดสินว่าสิ่งใดถูกหรือผิด"


จักรพรรดิซวนหยวนและจักรพรรดิจื่อเวยต่างอ้าปากค้าง

"การศึกในวันนี้ หากพวกเราลงมือไป ผลลัพธ์ประเสริฐสุดก็ทำได้เพียงขับไล่พวกมัน ไม่อาจทำให้พวก

มันต้องบอบช้ำสาหัสอะไร แล้วยังจะทำให้พวกมันกลายเป็นศัตรูไม่ขออยู่ร่วมฟ้าอีก"

"แต่หากไม่ลงมื ปล่อยให้แดนหนันหมิงล่มสลาย พวกเราแม้เสียเกียรติยศศักดิ์ศรี แต่เป็นไปได้สูงมา

กว่าจะรักษาชีวิตเอาไว้ ภายภาคหน้า สิ่งที่สามารถบดขยี้หยุนเช่อได้อย่างแท้จริงตอนนี้ ก็เหลือเพียง

แดนเทพมังกรเท่นั้น วันนี้เทพมังกรฮุยจิ้นตายอนาถ แดนเทพงกรต้องลงมือบดขยี้มณฑลเทวะอุดรแน่

หากมณฑลกวะอุดรถูกบีบคั้นจนตรอก พวกเราก็ค่อยลงมือเพื่อกอบกู้ความอัปยศในวันนี้ แต่หากว่า....

แม้แต่แดนเทพมังกรยังไม่อาจทำอะไรหยุนเช่อไ..... ชางซื่อเทียนกดเสียงหนัก "เจ้าลงมือวันนี้ ก็เหมือน

รีบร้อนขุดหลุมฝังตัวเอง!"


"เหลวไหล!" จักรพรรดิซวนหยวนยังคงตีหน้าเกรี้ยวกราด หากรัศมีพลังกลับอ่อนโทรมลงโดยไม่รู้ตัว เห็น

ได้ชัดว่ามันลังเลแล้ว

ตอนนี้เอง ท้องฟ้าที่หนหมองอยู่แล้วก็พลันทวีความมืดมัวขึ้นอีก

หยุนเช่อเหินกายขึ้นช้ๆ สองแขนกางออก เส้นผมดำปลิวไสว ทั่วร่างปรากฎหมอกดำเข้มหมุนวน

แสงสว่างทั่วหล้ราวกับถูกนัยน์ตาสีดำของมันสูบกลืน สายตาชายหนุ่มยิ่งมายิ่งทวีความหม่นหมองเย็น

ชา

"สายเลือดโสโครกแห่งหนันหมิง" หยุนเช่อเอ่ยปากเบา ๆ แต่กลับดังเข้าหูทุกคนราวกับคำ

สาปส่งของมารร้าย "จงหายไปในความมืดนิรันดร์เถอะ!"

แสงสว่างทั้งปวงบนฟากฟ้าแดนหนันหมิงดับวูบลง มฆคำส่งเสียงคำรม กระแสลมสับสนวุ่นวายกลาย


เป็นพายุทมิฬนับไถ้วน พลังธาตุมืดระหว่างฟ้าดินพุ่งสูงขึ้นเกินขอบเขตสามัญสำนึก เตรียมพร้อมสูบ

กลืนทุกสิ่งอย่างให้สิ้น

มารพิฆาตหลายสวรรค์!

ร่างของเหยียนอี เหยียนเอ้อ เหยียนซานและเชียนเย่หยิเอ๋อร์ต่งปรากฎหมอกคำรายล้อม พลัง

ลมปราณหมิฬน่พรั่นพรึงสุดเปรียบโคจรฉับไวยิ่งกว่าเดิม สี่เทพสมุทรต่งพากันเปล่งเสียงร้องโหยหวน

น่าสังเวช.... เสียงตะโกนของจักรพรรดิหนั้นหมิงเองก็แฝงความกลัวและสิ้นหวังอย่างชัดเจน

ขณะเดี่ยวกัน รัศมีพลังมารหลายสิบขุมก็บรรลุมาถึ นำหนโดนเหยียนเทียนเซียวเช่นเดิม เมื่อรัศมีพลัง


ของจักรพรรดิมารอเวจีพุ่งเข้าสู่นครหลวงหนันหมิง ความสิ้นหวังอันมืดมิดก็ปกคลุมแดนหนันหมิงจนไม่

เหลือแสงใดอีก

"นี่มัน...อะไร?" จักรพรรดิจื่อเวยจ้องมองท้องฟ้าอย่างแตกตื่น

"ลงมื!" จักรพรรดิซวนหยวนตัวสั่นระริก ร่างเปล่งแสงกระบี่หลากสีออกมา "หากไม่ลงมือตอนนี้ ก็ไม่ทัน

กาลแล้ว......

มันเพิ่งกล่าวจบ คนพลันต้องสะบัดหน้าขึ้นมองฟ้า


บนท้องนภาทมิฬไร้ขอบเขต กลับบังเกิดรูโหว่ขึ้นกะทันหัน ก่อนตามมาด้วย... รัศมีพลังของจ้าวเทวะ

ขั้นสิบ!

สายตนับไม่ถ้วนกลางสมรภูมิต่างพากันหันไปมองโดยไม่ตั้งใจ รัศมีพลังระดับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ แต่ผู้ที่

ปรากฏกายขึ้นห่มกลางความมืด กลับเป็นงรางบอบบางจนผู้มองแทบไม่อยากเชื่อ

"นั่น... นั่นคือ!?" เสียงร้องแตกตื่นดังระมจากทุกสารทิศ เพราะคนผู้นี้ไม่มีใครในใต้หล้ายุคปัจจุบันไม่รู้

จัก

เชียนเย่หยิงเอ๋อร์ชะงักนิ่ง ก่อนเหม่อมองดรุณีน้อยที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างประหลาดใจ

หยุนเช่อชายตามองช้ๆ สองเนตรหมิฬกอประกายพิสดารแตกต่าง ปากเอ่ยพึมพำเบาๆ "ไฉ...จือ..."


จ้าวเทวะ.... ขั้นสิบ!?

ความเร็วในการเติบโตของนาง ถึงกับ... พิสดารปานนี้!

"อา... เทพดารา... หมาปสวรรค์!" หนันว่านเชิงร่างส่ายโอนเอน รัศมีพลังจ้าวเทวะขั้นสิบโผล่มา

กะทันหัน มันวิงวอนขอให้เป็นผู้มาโปรด แต่กลับป็นฝันร้ายอีกชั้นแทนเสียได้

ไฉจือลอยตัวอยู่บนฟ้า สองตวางเปล่ไร้อารมณ์ความรู้สึก นางเบนสายตามองลง ก่อนกระบี่เทวะหมา

ป้าสวรรคในมือจะวาดลงพื้นอย่างเนิบช้า

คว้าก!


เนตรหมาป้าบนตัวกระบี่ทอประกาย ไร้ซึ่งแสงปราณสีครามของพลังเทวะหมาป้าสวรรค์ ไร้ซึ่งร่องรอย

พลังมารทมิฬ ที่เบ่งบานตามหลัง.. มีเพียงแสงสีแดงดุจโลหิตเท่านั้น

......?" หยุนเช่อขมวดคิ้วเล็กน้อย "#%?+?%"

แสงสีแดงนี้....

แสงสีแดงแผ่ขยายออก ท้องนภาแหวกแยกผ่ากลาง ปรากฏห้วงมิติอันไพศาลให้ประจักษ

โฮกกกกกกกกก

จากห้วงมิติพิสดารที่ปรากฎขึ้น บังเกิดเสียงคำรามสะท้านจิตดังกังวาล ไม่ว่าผู้ใดที่ได้สะดับล้วนแต่ทราบ

ว่านี่คือเสียงคำรามของมังกร เป็นเสียงมังกรคำรณกี่ทรงอำนาจไร้ทัดเทียม!


หลังสิ้นเสียงคำราม งาร่างมังกรมหึมาสายหนึ่ก็ลอดผ่านช่องว่างมิติ ปรากฎกายอยู่เหนือน่านฟ้า

เงาร่างมังกรนี้มีขนาดพันจ้ง กยามังกรมีสีขาวอมเทาเก่แก่ ราวกับผ่านวัฏจักรคืนวันนับอนันต์

บนร่างแผ่บารมีมังกรของจ้าวเหวะชั้นกลางออกมา

การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ทำให้สมรภูมิหยุดชะงัก ทวการปรากฏกายของมังกรชั้นจ้าวเทวะเพิ่ง

จะเริ่มต้น

ผู้คนยังไม่ทันหายตกใจ งาร่างมังกรตัวที่สองก็ปรากฏขึ้น เป็นมังกรขนาดพันรั้งเช่นเดิม สีขาวอมเทาดู

เก่าแก่ เป็นมังกรชั้นจ้าวเทวะที่แผ่บารมีราวกับพร้อมบดขยี้หมื่นขุนเขา

และยังมีตัวที่สาม สี่.... สิบ... ยี่สิบ... ห้าสิบ... หนึ่งร้อย!


มังกรชั้นจ้วเทวะที่พบได้ยากสุดแสน ต่างพากันทยอยลอดผ่านช่องว่างมิติพิสดารออกมาต่อ

หน้าสายตาผู้คน กางปีกอันกว้างใหญ่ปกฟ้าคลุมดิน ไอมังกรของมังกรจ้าวเทวะทั้งร้อยตัวถึงกับทำให้ผง

ธุลีบนพื้นจับตัวลอยนิด้างกลางอากาศ


--00--


  1786 เหยียบย่ำ

ในห้วงสติเสี้ยวสุดท้าย มันเอ่ยปากออกมาได้เพียงเท่านี้ ก่อนรัศมีพลังทั้งหมดจะดับวูบ

หอกทมิฬทะลวงผ่านปลิดชีพเทพสมุทร จากนั้นสะบัดซากศพทิ้ง จึงปรากฎร่างของเหยียนอู่

"ท่นบรรพชน" เหยียนกล่วกับเหยียนเอ้อ "โปรดอย่ได้เล่นสนุกกับพวกศัตรูอีกเลย ยิ่งสังหารพวก

มันหมดเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่เติมเต็มความปรารถนาของจอมมารเร็วขึ้นเท่านั้น"

สิ้นคำ เหยียนก็แทงหอกเข้ใส่หนันเซียนชิวที่หน้าซีดอยู่

เหยียนเอ้อขณะกำลังจะโต้ตอบเด็กหญิงน้อยที่กล้สั่งสอนบรรพช เมื่อเห็นเหยียนอู่สะบัดหอกมาร

ร่างมันก็พลันสั่นสะท้านด้วยความหวาดผวา ปากส่งเสียงกรีดร้องออกมา "นายท่านสั่งให้ไว้ชีวิตตัว

บัดซบนั่น!"


เหยียนอู่ชะงักรัศมีพลังไป หากหอกที่หมุนวนโคจรด้วยไมารอเวจียังคงแทงเข้าหาหนันเซียนซิวเช่นเดิม

เป็นจ้าวเทวะขั้นสิบอีกแล้ว...หนันเชียนชิวตอนนี้หน้าซีดไร้สีเลือด ทั่วร่างสั่นเทิ้มสุดระงับ

หยุนเช่อถึงกับมีจ้วเทวะขั้นสิบให้ใช้สอยมากมายปานนี้!

มณฑลเทวะอุตรที่ถูกสามมณฑลกวะสะกดข่มจนไกล้ขยับตัวมานานเป็นล้านปื ไฉนถึงได้มีสัตว์ประ

หลาดมากมายปานนี้!

ไม่เห็นเหมือนที่เสด็จพ่อคยบอกไว้เลยสักนิด มณฑลกวะอุดรต่างจากที่มีบันทึกไว้โดยสิ้นเชิง!

หนันเชียนชิวถูกเหยียนเอ้อทำร้ยปางตา ซ้ำยังจิตใจแตกสลาย ต่อหน้าพลังฝีมือระดับเหยียนอู่ นาง

ลำบากเพียงยกมือก็ทะลวงหอกผ่านร่างมันได้แล้ว

สองเทพสมุทรที่เหลือก็บาดเจ็บทั่วร่าง เมื่อเห็นหนันเซียนชิวถูกหอกแทงทะลุตัว พวกมันก็ได้แต่อ้า

ปากค้าง แม้คิดรุดกายออกไปช่วยเหลือ แต่จนใจที่ร่างกายไร้เรี่ยวแรง

ไอมารทะลักทะลวงเข้าสู่ร่าง บดขยี้ทำลายเส้นชีพจรทั้งหลายของหนันเซียนชิวในพริบตา ก่อนเหยีย

นอู่จะสะบัดหอกส่งร่งมันปลิวไปหาเหยียนอี

"เสด็จพ่อ... ช่วย... ด้วย..."

เหยียนอียื่นมือออก นิ้วทั้งห้กุมศีรษะหนันเชียนชิวไว้ประดุจเล็บอินทรีย์ พลังมารอเวจีไร้ทัดเทียม

ชำแรกแทรกผ่านร่าง สะกัดจุดชีพจรทั้งหมดในร่างมัน

หนันเซียนซิวร่างแข็งทื่ จกนั้นจึงปล่อยร่างอ่อนยวบอยู่ในมือของเหยียนอีราวกับซากศพ

หนันเชียนซิวร่างแข็งที่ จากนั้นจึปล่อยร่างอ่อนยวบอยู่ในมือของเหยียนอีราวกับซากศพ

นอกจากลมหายใจเป็นครั้งคราวแล้ว มันก็ไม่ขยับเคลื่อนไหวอะไรอีก

เหยียนอีเองก็ไม่ขยับเขยื้อน เพียงยื่นมือกุมหนันเซียนชิวไว้ข้างกายหยุนเช่อ ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้

แม้แต่ครึ่งก้าว

"เซียน...ชิว!" หนันเซียนชิวตะโกนอย่งลนลาน เมื่อสมาธิไขว้เขว ทรวงอกมันก็ถูกกรงเล็บเหยียนซาน

ตะปบฟาด อวัยวภายในปริแตกอีคำบ ทั่วร่งโลหิตฉีดพุ่งเป็นสายธาร

"ยังอยากจะลงมืออยู่อีไหม?" ชางซื่อเทียนหรี่ตามองจักรพรรดิจื่อเวยและจักรพรรดิชวนหยวน แม

สีหน้ามันจะยังสงบนิ่ง หากสองตากลับสาดประกายสับสนวุ่นวาย

"ยังอยากจะลงมืออยู่อีกไหม?" ชางซื่อเทียนหรี่ตามองจักรพรรดิจื่อเวยและจักรพรรดิชวนหยวน แม

สีหน้ามันจะยังสบนิ หากสองตากลับสาดประกายสับสนวุ่นวาย

ฝ้ามือจักรพรรดิซวนหยวนและจื่เวยสั่นเทิ้มสุดระงับ หน้าผากผุดเหงื่อเม็ดโป้งดุจน้ำตก

"เผ่ามังกรปฐมต้นกำเนิด... เป็นไปได้ยังไง..." จักรพรรดิซวนหยวนพึมพำเบาๆ

"หากเจ้ายังอยากจะยื่นมือช่วยหนั้นหมิง เราก็จะไม่ห้าม อย่างเช่น เจ้าจะลองช่วยแดนหนั้นหมิงชิงตัว

นายน้อยพวกมันกลับมาจากสัตว์ประหลาดเฒ่าตัวนั้นก็ได้ เชื่อว่าจักรพรรดิหนันหมิงและทายาท

หนหงมต่อไปจะตืองงดจำพระคุณอิใหถุหงองเจ้าแ..วมันรอพันวันไปโตสะน

เหอเหอเหอ"

ชางซื่อเทียนหัวร่อเสียงต่ำ จกนั้นคนพลันทะยานร่างขึ้น มุ่งตรงเข้าหาหนันว่านเชิง

หนันว่านเชิงทั่วร่งอาบด้วยโลหิต กายถูกพลังมารอเวจีกัดกินจนเหลือแทบไครบส่วน ภายใต้สภาวะ

สิ้นหวัง เมื่อมันสัมผัสได้ว่าชางซื่อเทียนเคลื่อนที่เข้มาใกล้ ดวงจิตยังไห้นไตร่ตรองให้ละเอียดก็เปล่ง

เสียงร้องออกไปแล้ว "ช่วยข้าที... ก!"

ชางซื่อเทียนไม่ได้ช่วยสลายพลังของเหยียนซาน แต่กลับฟาดเข้าใส่แผ่นหลังหน้นว่านเซิงอย่างหนัก

หน่วง ฝนโลหิตและเศษกระดูกระเบิดกระจายออกมาทางทรวงอกเบื้องหน้า

......." หนันว่านเซิงหันศีรษะมามองช้ๆด้วยแววตาเหม่อลอย ก็เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของชางซื่อเทียน

เป็นรอยยิ้มยินดีไดวามรู้สึกผิด ซ้ำย้แฝงความพึงพอใจอยู่หลายส่วนอย่างปิดไม่มิด

"บนโลกนี้ ยังมีสิ่สำคัญคว่การตัดสินใจเลือกทางที่ฉลาดอยู่" ชางซื่อเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เชื่อว่

จักรพรรดิหนับหมิงองคงข้าใดรื่องนี้ดีกว่าใคร ใช่หรือไม่?"

----end------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น